A trusted partner for AI&Robotics solutions driven by innovations at scale
จากการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง AIS 5G และ กลุ่ม ปตท. ตั้งแต่ปี 2561 ในการนำ 5G และแพลตฟอร์มมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ พัฒนาโดยกลุ่ม ปตท. และเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi ผ่านการทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัท ARV ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ของไทย ภายใต้ ปตท.สผ. เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน เพื่อนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม วันนี้ได้ยกระดับการทำงานของโดรนไปอีกขั้นสู่ 5G AI Autonomous Drone System (Horrus) ครั้งแรกของไทยที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทย ซึ่งนำเทคโนโลยี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มีความฉลาดและอัจฉริยะเข้ามาเสริมขีดความสามารถการทำงาน และเป็นครั้งแรกของโดรนที่ทำงานจริงบนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ผ่านเทคโนโลยี Autonomous Network มาใช้ในการบริหารจัดการระบบ Network ได้อย่างคล่องตัว ช่วยให้บริหารจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชม. ในพื้นที่เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City พร้อมทั้ง Regulatory & Innovation Sandbox หรือ พื้นที่ผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับการพัฒนานวัตกรรม ทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านอากาศยานไร้คนขับ ด้านยานยนต์อัตโนมัติ ด้านนวัตกรรมพลังงาน และด้านคลื่นความถี่พิเศษ ซึ่งเป็นจุดแข็งของพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ ทำให้พื้นที่นี้มีความพร้อมและเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการพัฒนานวัตกรรมแห่งอนาคต นับเป็นการพลิกโฉมการทำงานของโดรนที่จะเข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรม ช่วยลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงหรือมีข้อจำกัด
ด้าน ดร.ธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) ในเครือ ปตท. สผ. กล่าวเสริมว่า “ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ของไทย เรามุ่งสร้างความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนความเป็นอยู่ของผู้คนในทุกระดับ โดย 5G AI Autonomous Drone System (Horrus) เป็นอีกหนึ่งใน Use Case ที่ประสบความสำเร็จ สามารถใช้งานได้จริงแล้วในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ที่มีความพร้อมด้านพื้นที่เพื่อการทดสอบทดลอง จากการผ่อนปรนกฎระเบียบพิเศษ สำหรับทดลองทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม หรือ UAV Regulatory Sandbox และความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่นำมาใช้พัฒนา Solution นี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาโดรนอัจฉริยะฝีมือคนไทยที่มีระบบ AI เข้ามาเป็นหัวใจหลักในการทำงานด้วยเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ
5G และ Network Slicing ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล ลดความหน่วงในการสั่งการควบคุมโดรน อีกทั้งยังรองรับการควบคุมระยะไกลที่เสถียรมากกว่าสัญญาณวิทยุและ Wifi การทำงานร่วมกับ AIS ในครั้งนี้เป็นการยกระดับศักยภาพการทำงานของโดรนให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการทำงานได้แบบอัตโนมัติตามเวลาและเส้นทางการบินที่กำหนด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติและส่งแจ้งเตือนกลับมาที่ศูนย์ควบคุมได้แบบ Real time ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการบริหารจัดการความปลอดภัย และยังลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงหรือมีข้อจำกัด อาทิ การใช้โดรนตรวจสอบการทำงานในพื้นที่โรงงาน หรือในพื้นที่สำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติ และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ในธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ดังนั้นการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จึงเป็นการเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของบริษัท ARV และที่สำคัญยังสอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่ต้องการสร้าง New S-Curve ด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยี”
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “จากเป้าหมายการทำงานของ AIS ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะหรือCognitive Tech-Co ผ่านแนวคิด Ecosystem Economy ด้วยการสร้างการเติบโตแบบร่วมกัน ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการทำดิจิทัล
ทรานส์ฟอร์เมชันของภาคอุตสาหกรรมและองค์กรภาคธุรกิจของประเทศ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับ กลุ่ม ปตท. ในฐานะ Strategic Partner ที่ร่วมทำงานกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่สำหรับภาคอุตสาหกรรมในหลากหลายพื้นที่รวมถึงการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม ในพื้นที่โครงการวังจันทร์วัลเลย์และ EECiให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาและทดสอบโซลูชัน โดยมุ่งเน้นการขยายผลเพื่อการใช้งานจริงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทีมวิศวกรของ AIS ได้จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างสมบูรณ์ อาทิ การออกแบบ Network Architecture หรือ สถาปัตยกรรมโครงข่าย 5G SA (Standalone) บนคลื่น 2600 MHz โดยใช้ศักยภาพของเทคโนโลยี Autonomous Network ซึ่งมีความอัจฉริยะในการจัดการระบบได้ด้วยตัวเอง, การใช้ Network Slicing เพื่อตอบสนองแอปพลิเคชันที่ต้องการคุณสมบัติทางเครือข่ายที่แตกต่างกัน รวมถึงบริการ MEC (Multi-access EDGE Computing) และ PARAGON Platform เพื่อรองรับการบริหารจัดการ และพัฒนาโซลูชันที่ต้องการความหน่วงต่ำด้วย ถือเป็น 5G Testbed พื้นที่สำหรับทดสอบทดลองที่เปิดกว้างให้องค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยในการพัฒนาโซลูชันเพื่อการใช้งานจริง
ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของทีมงานทุกฝ่ายที่ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของคนไทยในการพัฒนาแพลตฟอร์มอัตโนมัติสำหรับโดรน ด้วยการผสานเทคโนโลยี AI และขีดความสามารถของ 5G เป็นครั้งแรก เพื่อรองรับและตอบโจทย์การทำงานของ AI Autonomous Drone System(Horrus) ที่พัฒนาโดยบริษัท ARV ในด้านต่างๆ ที่ต้องครอบคลุมเส้นทางการบินให้มีความเสถียรและปลอดภัย สามารถทำงานได้อย่างอัจฉริยะในการตรวจสอบ รับและส่งต่อข้อมูลทั้งภาพ เสียง และวีดีโอ กลับมายังศูนย์ควบคุมได้แบบรวดเร็วและ Real time นับเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ AIS ในการนำขุมพลังของ5G เข้ามาสร้างโอกาสใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรม และนำไปสู่การสร้างจุดแข็งให้กับประเทศต่อไป”
ARV และ AIS พร้อมร่วมผลักดันการพัฒนานวัตกรรมให้กับองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่โลกยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน ผู้สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลโครงการวังจันทร์วัลเลย์ได้ที่www.wangchanvalley.com หรือ ข้อมูลการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นบน 5G ได้ที่ https://business.ais.co.th/5g/
———————————————————————–
ARV – AIS 5G extended cooperation to Wangchan Valley, leveraging AI potential Innovation of an AI Autonomous Drone System on an intelligent 5G network for the first time in Thailand! Connecting industrial work systems in real time
Ongoing collaboration between AIS 5G and PTT Group since 2018 has seen the deployment of 5G and platforms to builddigital infrastructure. This is integrated with operations in Wangchan Valley, developed by PTT as a key base for the Eastern Economic Corridor of Innovation (EECi) . The collaboration is working closely with AI and Robotics Ventures Co., Ltd., a Thai expert in the development and service provision of robotics and AI services, and part of PTT Exploration and Production (PTTEP). They have developed a platform of unmanned aerial vehicles, or UAVs, better known as autonomous drones, for various industrial use cases. The use of drones has now been upgraded to a 5G AI Autonomous Drone System (Horrus), which is the first drone system to be developed by Thai engineers. The system is supported by Artificial Intelligence (AI) to enhance its capabilities. Most importantly, it is the first drone system to be powered by Intelligent 5G using Autonomous Network technology. The Network is managed to be agile with a system to maintain 24-hour security in the Wangchan Valley area. Wangchan Valley is equipped with the infrastructure of a Smart City, under a Regulatory & Innovation Sandbox in four areas: unmanned aerial vehicles, autonomous vehicles, energy innovation, and specialized spectra. All of these factors have made Wangchan Valley a prime location for the innovations of the future. It is a transformation of drone capabilities to have a greater role in industry, and reduce the risks ofoperating in hazardous or restricted locations.
Dr. Thana Slanvetpan, General Manager of AI and Robotics Ventures (ARV) under PTTEP, revealed, “As a Thai leader in AI and robotics, we are focused on expertise in artificial intelligence and robotics to upgrade infrastructure and improve the lives of people at every level. The 5G AI Autonomous Drone System (Horrus) is another use case thathas attained some measure of success and has now been rolled out to real-world applications. Wangchan Valley is well located as a venue for trials and experimentation, as there are special waivers and relaxations of regulations to facilitate scientific tests and innovation in drone technology, the UAV Regulatory Sandbox. It is also replete with super-fast 5G digital infrastructure, another key technology to develop these solutions. It is a first for Thailand to develop autonomous drone technology with AI systems at its heart and powered by intelligent wireless networks.
5G and Network Slicing speed up data transmission and reduce latency, which is crucial when controlling a drone. The technology supports remote use with greater stability than radio signals and WiFi. This collaboration with AIS is upgrading the potential of drone technology to the next level. The drones now work autonomously along predetermined flight paths and times. They can monitor for abnormal activity and send alerts back to the Control Center in real time. They bring greater efficiency to the management of security work and reduce the risk of operating in hazardous or restricted areas. For instance, drones can monitor work in a factory, a natural gas survey location or a natural gas processing plant of PTT Group. This collaboration connects the key mission of ARV in alignment with the overarching objective of the Eastern Economic Corridor of Innovation (EECi) to build a New S-Curve with innovation and digital technology.”
Tanapong Ittisakulchai, Chief Enterprise Business Officer at AIS commented, “AIS’ objectives are to become a Cognitive Tech-Co with the concept of an Ecosystem Economy. We generate mutual growth by working with a range of partners to support Digital Transformation invarious national industrial sectors. In particular, we are collaborating with PTT as a Strategic Partner to innovate technology for many industries. This includes investing in digital infrastructure to support innovation in the Wangchan Valley project and the EECi to be a hub for developing and trialing solutions for ongoing roll-out to real-time use cases. The AIS engineering team has already completed infrastructure such as the Network Architecture for 5G SA (Standalone) on 2600 MHz. They are leveraging the potential of Autonomous Network technology for autonomous network management, the use of Network Slicing to support applications running on networks with different properties, as well as Multi-access EDGE Computing (MEC), the PARAGON platform to support management, and the development of solutions requiring low latency. It is a 5G Testbed that is open to Thai enterprises and industries to develop solutions for mission-critical use cases.
“This occasion is another great achievement for all involved, and highlights Thai talent in developing autonomous drone platforms, integrating AI technology and 5G capabilities for the first time, to support and cater to the use cases of the AI Autonomous Drone System (Horrus) developed by ARV. These must include a safe and stable flight path, and smart verification, alongwiththe rapid transmission of still images, sound, and video in real-time. It is confirmation of AIS’ mission to leverage the power of 5G to create new opportunities for industry, which can become a competitive edge for the country in the future.”
ARV and AIS are both primed to power infrastructure to develop innovation for both the government, private and industrial sectors. Together, they will sustainably switch to digital. For more information about the Wangchan Valley, see www.wangchanvalley.com, and for innovating on 5G solutions, see https://business.ais.co.th/5g/.